
Light Source แหล่งกำเนิดแสงสำหรับการถ่ายภาพ
กล้องถ่ายรูปจะไร้ความหมายทันทีหากปราศจากแสง เพราะว่ากล้องต้องใช้แสงในการสร้างเป็นภาพถ่ายขึ้นมา เปรียบเทียบกันง่ายๆ ก็เหมือนกับดวงตาของคนเรา ที่ต้องพึ่งพาแสงสว่างสำหรับการมองเห็น แสงมีทั้งแสงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และแสงที่เกิดขึ้น จากอุปกรณ์ที่คนสร้างขึ้น ถึงแม้จะแหล่งกำเนิดแสงมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่ชนิดที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพ
แสงจากธรรมชาติ (Natural Light)
แสงจากธรรมชาติก็คือแสงที่มีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือแสงของดวงอาทิตย์ ทันทีทีดวงอาทิตย์เริ่มทำงานตอนเช้า ก็จะทำให้เกิดสภาพแสงแบบต่างๆ ตามมามากมาย เช่น แสงจากท้องฟ้า ซึ่งก็คือแสงที่ผ่านกลุ่มก้อนเมฆหรือชั้นบรรยากาศเข้ามา ทำให้แสงเกิดการกระจายเป็นวงกว้าง แสงดวงอาทิตย์ที่ส่องผ่านหน้าต่างหรือประตูเข้ามา ก็เรียกว่า Window Light หรือแสงจาก ริมหน้าต่าง แสงดวงอาทิตย์ที่ส่องไปโดนอาคารหรือสิ่งของต่างๆ ก็จะมีการสะท้อนแสงกลับออกมา แสงที่สะท้อนกลับออกมา ก็เรียกว่า Reflect Light
แสงจากธรรมชาติมีข้อดีตรงที่คุณสามารถใช้งานได้ฟรี แต่ก็มีข้อเสียตรงที่คุณไม่สามารถไปควบคุมทิศทางหรือกำหนดเวลาการ เกิดแสงได้ การใช้แสงธรรมชาติสำหรับถ่ายภาพ จึงต้องเข้าใจธรรมชาติ ช่วงเวลาไหนแสงมีทิศทาง มีความสว่างมากน้อยอย่างไร ฤดูกาลก็มีส่วนสำคัญ หน้าฝนเจอมรสุมเข้า มีฝนมีเมฆครึ้มทั้งวัน แสงแดดไม่เล็ดลอดมาเลยก็มี
แสงจากจากหลอดไฟ
ที่ถูกนำมาใช้เป็นแสงสว่างในการถ่ายภาพก็จะมี หลอดไฟแบบทังสเตน และหลอดแบบฟลูออเรสเซนต์ และยังมีหลอดแบบ LED ซึ่งเป็นหลอดชนิดใหม่ ที่เริ่มนำมาผลิตเป็นไฟสำหรับถ่ายวิดีโอหรือภาพนิ่งกันบ้างแล้ว ลักษณะของแสงที่ได้จากหลอดไฟเหล่านี้ แสงสว่างจะเกิดขึ้นตลอดเวลาที่เปิดไฟทิ้งเอาไว้ จึงเรียกว่า Continuos Light
ข้อดีของแสงจากหลอดไฟเหล่านี้คือ ราคาไม่แพง มีแสงสว่างเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้ง่ายในการจัดแสง เพราะสามารถเห็นทิศทาง ของแสงที่เกิดขึ้น ส่วนข้อเสียก็ขึ้นอยู่กับชนิดของหลอดไฟที่ใช้ อย่างไฟทังสเตนก็จะมีแสงที่ออกมาเป็นโทนสีส้ม และมีความร้อน เกิดขึ้นเมื่อใช้งานนานๆ ส่วนแสงจากไฟฟลูออเรสเซนต์ก็จะมีปัญหาเรื่องความสว่างที่ค่อนข้างน้อย การทำให้สีของภาพออกมาเป็น โทนสีเขียวหรือฟ้า อย่างไรก็ตามไฟฟลูออเรสเซนต์ก็มีแบบที่ทำขึ้นมาสำหรับใช้ถ่ายภาพโดยเฉพาะ เช่น ไฟถ่ายสินค้า หรือไฟถ่าย ภาพแฟชั่น (ในบ้านเราอาจไม่มีนำเข้ามา)
แฟลช ไฟสตูดิโอ
ทั้งแฟลชและไฟสตูดิโอ เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับการถ่ายภาพโดยเฉพาะ ลักษณะของแฟลชหรือไฟสตูดิโอ จะมีหลอดไฟที่จะทำให้เกิดแสงสว่างขึ้นมาแค่ช่วงสั้นๆ คือสว่างแว่บขึ้นมาแล้วก็หายไป ซึ่งหากจะเรียกให้ถูกต้องก็ต้องเรียก อุปกรณ์เหล่านี้ว่า Flash เพราะลักษณะของแสงสว่างที่เกิดขึ้น จะสว่างแว่บขึ้นมาแล้วก็ดับไป และไม่ว่าจะเป็นแฟลชตัวเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกล้องหรือตัวใหญ่ที่แยกออกจากกล้อง ต่างก็มีเทคโนโลยีการทำงานเหมือนกัน เนื่องจากแสงจากแฟลชหรือไฟสตูดิโอ ที่สว่างแว่บขึ้นมาเพียงช่วงสั้นๆ อุปกรณ์เหล่านี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Strobe Light
อย่างไรก็ตามไฟสตูดิโอ ไม่ได้มีเพียงเฉพาะแบบ Strobe เท่านั้น ยังมีไฟที่ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ไฟทังสเตน และไฟแบบ HMI อีก การเรียกว่าไฟสตูดิโอ จึงเป็นการเรียกตามลักษณะการใช้งาน ที่ส่วนใหญ่ใช้กันในสตูดิโอถ่ายภาพ ส่วนประเภทของไฟที่ใช้ก็มี แตกต่างกันออกไป และการใช้งานก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงแค่ต้องใช้ในสตูดิโอเท่านั้น บางชนิดก็ขอให้มีปลั๊กไฟบ้านก็ใช้ได้ บางชนิด เอาไปใช้กลางทุ่งนาก็ได้เพราะมีแบตเตอรี่ การจะเลือกใช้แฟลชหรือไฟสตูดิโอจึงขึ้นอยู่กับว่าอุปกรณ์ชนิดไหนเหมาะสมกับการใช้
แสงไฟ แสงเทียน
แสงจากกองไฟ แสงจากเทียนไข เป็นแสงอีกประเทภหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการถ่ายภาพบ่อยๆ เพียงแต่ลักษณะการใช้งาน จะไม่ได้นำ มาใช้โดยตรง คงไม่มีใครพิเรนทร์ก่อกองไฟกลางบ้านเพื่อถ่ายภาพกัน แสงจากกองไฟหรือจากเทียนไข จะเป็นการถ่ายภาพตาม สถานที่ เช่น แคมป์ไฟ ห้องอาหารหรือห้องสปา ที่จุดเทียนหอม เป็นต้น
แสงจากกองไฟหรือแสงเทียน จึงเป็นแสงที่ช่วยสร้างบรรยากาศ การถ่ายภาพโดยใช้เพียงแหล่งแสงจากแสงไฟหรือแสงเทียน จึงเป็นการถ่ายภาพเพื่อเให้ได้บรรยากาศของสภาพแวดล้อมจริงๆ ดังนั้นแสงไฟหรือแสงเทียนจึงถูกเรียกว่าแสง Ambient Light โดยแสงจากไฟประดับอาคารก็รวมอยู่ในกลุ่มแสงประเภทนี้ด้วย
ทั้งหมดนี้เป็แหล่งกำเนิดแสงที่พบเห็นได้บ่อยในภาพถ่าย ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพอะไร ก็ต้องมีแหล่งที่มาของแสงไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง หรืออาจจะมีแหล่งที่มาของแสงหลายอย่างผสมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น