หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

มือใหม่เลือกซื้อเลนส์


มือใหม่เลือกซื้อเลนส์

คุณอาจสงสัยว่ากล้อง DSLR บางรุ่นไม่มีเลนส์ บางรุ่นมีเลนส์ นั่นก็เพราะว่าเป็นกล้องที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับการใช้งานมาใช้กับกล้อง ได้ตามความต้องการ และประเด็นที่สำคัญคือแต่ละคนต้องมีความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้กล้อง DSLR จึงมีรุ่นที่ขายตัวกล้องพร้อมเลนส์ และขายเฉพาะ ตัวกล้อง โดยที่คุณต้องจ่ายเงินซื้อเลนส์รุ่นที่ต้องการหรือรุ่นที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของคุณเอง

ต้องการถ่ายภาพอะไรกันแน่?
คำถามแรกสุดที่คุณควรถามตัวเองก่อนก็คือ คุณต้องการถ่ายภาพอะไร คุณอยากจะถ่ายภาพดอกไม้ ถ่ายภาพคน ถ่ายภาพกีฬา ถ่ายภาพทิวทัศน์ ถ่ายภาพนก ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง หรือเพียงแค่ถ่ายภาพขณะเดินทางท่องเที่ยว

มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเลนส์หรือเปล่า?
ราคาเลนส์มีตั้งแต่ราคาไม่กี่พัน จนขึ้นหลักหลายแสน งบประมาณของคุณมีมากแค่ไหน

ต้องการเลนส์ใหม่เอี่ยมหรือเลนส์มือสอง?
เลนส์ที่มีขายในร้านก็มีเลนส์ใหม่เอี่ยม นอกจากนี้ยังมีเลนส์มือสองขายเกลื่อนทั้งตามร้าน และประกาศขายทางเว็บไซต์ บางคนเบื่อ บางคนซื้อไปแล้วแทบไม่ได้ใช้ นานเข้าก็เอาออกมาขาย

ต้องการเลนส์ฟิกหรือเลนส์ซูม?
โดยปกติแล้วเลนส์ Fix หรือ Prime lens จะมีคุณภาพที่ดีกว่าเลนส์ซูม ยกเว้นเลนส์ซูมเกรดโปร สำหรับเลนส์ฟิกก็เปรียบเสมือนกับดวงตาของเรา อยากเห็นอะไรใกล้ๆ ก็ต้องเดินเท้าเข้าไป เมื่ออยู่ใกล้ไปก็ต้องถอยออกมา ส่วนเลนส์ซูมจะให้ความสะดวกตรงที่ไม่ต้องเดินเข้าไป คุณสามารถปรับระยะซูมของเลนส์ให้เห็นภาพได้ใกล้ขึ้นหรือไกลออกมาได้

ทางยาวโฟกัสของเลนส์และพื้นที่การใช้งาน?
คุณไม่สามารถใช้เลนส์ช่วง 50 มม. ถ่ายภาพครึ่งตัวนักฟุตบอลที่อยู่อีกฟากของสนามได้ ขณะเดียวกันการนำเลนส์ช่วง 300 - 600 มม. ที่ถ่ายภาพนักฟุตบอล มาถ่ายภาพคนครึ่งตัวหรือเต็มตัว ในห้องขนาด 3 x 6 เมตรไม่ได้ เพราะเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสสูงๆ ระยะการใช้งานก็จะต้องอยู่ห่างจากสิ่งที่คุณต้องการถ่ายภาพมากขึ้น ถ้าจะใช้เลนส์ระยะ 200 มม. ถ่ายคน ระยะห่างระหว่างกล้อง กับตัวแบบก็ต้องห่างกันประมาณ 2 เมตรขึ้นไป แล้วเลนส์ 200 มม. ที่ระยะ 2 เมตร ก็ถ่ายได้แต่หน้าคน อยากถ่ายครึ่งตัว หรือ เต็มตัว ก็ต้องถอยหลังกันอีกบาน ดังนั้นการเลือกระยะของเลนส์จึงต้องดูพื้นที่ใช้งานของคุณด้วยว่ามีพื้นที่กว้างแค่ไหน หรือดูว่าสิ่งที่คุณจะถ่ายอยู่ไกลแค่ไหน

ต้องการเลนส์รูรับแสงกว้างๆ หรือเลนส์ไวแสงไหม?
คุณต้องการถ่ายภาพในสถานที่ที่มีแสงน้อยๆ โดยไม่ใช้ขาตั้งกล้องหรือไม่ใช้แฟลชหรือเปล่า? ต้องการถ่ายภาพคนโดยให้ ฉากหลังเบลอไหม? เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง เช่น 50 mm f1.8, 24-70 mm f2.8 หรือ 70-200 mm f2.8 เป็นเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง ซึ่งจะทำให้ใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงได้ ช่วยให้กล้องปรับโฟกัสได้เร็วขึ้น ทำให้ฉากหลังเบลอได้มากกว่าเลนส์ที่มีรูรับแสงแคบ และเลนส์รูรับแสงกว้างยังใช้กำลังไฟจากแฟลชหรือไฟสตูดิโอน้อยกว่า

ต้องการเลนส์จากผู้ผลิตกล้องหรือเลนส์จากผู้ผลิตอื่น?
ผู้ผลิตกล้องไม่ว่าจะเป็น Canon, Nikon, Pentax, Olympus, Sony นอกจากจะผลิตกล้องแล้ว ยังผลิตเลนส์ด้วย ทางเลือกที่ง่ายที่สุด ก็คือใช้เลนส์จากผู้ผลิตกล้อง ใช้กล้อง Canon ก็ใช้เลนส์ Canon ไป ใช้กล้อง Nkon ก็ใช้เลนส์ Nikon ไป ไม่ต้องคิดเรื่องจะนำ เลนส์ของกล้องยี่ห้อหนึ่งมาใช้กับกล้องอีกยี่ห้อหนึ่ง เพราะต่างฝ่ายต่างออกแบบเม้าท์กล้อง เม้าท์เลนส์ไม่เหมือนกัน
นอกจากเลนส์ยี่ห้อเดียวกับกล้องแล้ว ยังมีเลนส์จากผู้ผลิตเลนส์อย่าง Sigma, Tamron, Tokina ผลิตเลนส์สำหรับกล้อง DSLR มาเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ซึ่งเลนส์เกรดโปรบางรุ่น มีราคาถูกกว่าเลนส์จากผู้ผลิตกล้อง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีเลนส์ที่ใช้กับกล้อง Canon กับ Nikon ซะเป็นส่วนใหญ่ และสิ่งที่คุณต้องไม่ลืมคือ กล้องคุณใช้เม้าท์เลนส์แบบไหนก็ต้อง ใช้เลนส์ที่มีเม้าท์ตรงกับแบบ เม้าท์ของตัวกล้อง

ความเร็วในการโฟกัสจำเป็นสำหรับคุณไหม?
เลนส์ของกล้อง DSLR มีทั้งแบบ Manual Focus ที่ต้องปรับโฟกัสด้วยมือ และแบบ Auto Focus ที่มีมอเตอร์ปรับโฟกัสให้ และยัง สามารถปรับโฟกัสด้วยมือได้ สำหรับเลนส์ออโต้โฟกัสที่ใช้มอเตอร์ปรับโฟกัสนั้นก็จะมีทั้งแบบธรรมดาและแบบ ความเร็วสูง โดยแบบธรรมดาจะมีเสียงขณะปรับโฟกัสค่อนข้างดัง และปรับโฟกัสได้ค่อนข้างช้า ส่วนมอเตอร์แบบความเร็วสูงจะโฟกัส ได้เร็วกว่า เงียบกว่า
เลนส์ Canon รุ่นที่ใช้มอเตอร์ความเร็วสูงก็จะมีอักษร USM (Ultra Sonic Motor) ระบุเอาไว้ เช่น Canon EF 70-200 F2.8 L USM, Canon EF 17-40 F4 L USM ส่วนเลนส์ Nikon ก็จะเป็นเลนส์เมาท์แบบ AF-S โดยเลนส์เม้าท์แบบ AF-S จะใช้มอเตอร์ SWM (Silent Wave Motor) เลนส์ Nikon ที่มีตัวอักษร AF-S ระบุไว้ก็หมายถึงเลน์ที่ใช้มอเตอร์ SWM ช่วยในการปรับโฟกัสนั่นเอง
เลนส์ยี่ห้ออื่นที่ใช้มอเตอร์ความเร็วสูงก็มีของ Sigma ซึ่งเรียกว่า HSM (Hyper Sonic Motor) เลนส์ Olympus ก็มี SWD (Supersonic Wave Drive) ซึ่งก็เป็นเลนส์ที่โฟกัสได้เร็ว และเงียบ แต่ก็ต้องจับคู่กับกล้องรุ่นโปรอย่าง Olympus E-3 ของ Sony ก็มี SSM (Supersonic-wave Motor) เลนส์ที่ใช้มอเตอร์ความเร็วสูงในการปรับโฟกัส จะช่วยให้ปรับโฟกัส ได้เร็วขึ้น และเสียง การปรับโฟกัสจะเงียบ อย่างไรก็ตามความเร็วในการปรับโฟกัสจะขึ้นอยู่กับสภาพแสง คอนทราสต์ และที่สำคัญก็คือตัวกล้องด้วย

คุณภาพของภาพถ่ายจำเป็นสำหรับคุณหรือเปล่า?
หลายคนชอบเลนส์ที่ให้ความคมชัด ให้คอนทราสต์สูง (แล้วยังมาตะบี้ตะบันปรับพารามิเตอร์ในตัวกล้องหรือใช้ฟิลเตอร์ Unsharp Mask ในโปรแกรมแต่งภาพ เพิ่มความชัดอีก จะเอาชัดไปถึงไหน? แล้วเรื่องการเกิดภาพที่บิดเบี้ยวหล่ะ ไหนจะมีเรื่องแสงแฟลร์ อีก และการเกิดสีเหลื่อม เช่น เกิดแถบสีม่วงหรือแดงเวลาถ่ายภาพทิวทิวทัศน ซึ่งจะเห็นได้ เมื่อขยายภาพใหญ่ หรือสีรุ้งบนเสื้อผ้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับเลนส์ซูมราคาประหยัด ถ้าคุณให้ความสำคัญกับคุณภาพของภาพถ่ายก็จำเป็นต้องเลือกเลนส์เกรดโปร แต่ก็ใช่ว่าเลนส์ ราคาประหยัดจะมีปัญหาไปซะทุกรุ่น หรือเลนส์เกรดโปรจะดีไปหมดทุกรุ่น เลนส์หลายรุ่นในปัจจุบัน ใช้ชิ้นเลนส์ ที่ทำให้ได้คุณภาพของภาพถ่ายดีขึ้น

วิธีดูเลนส์ระดับโปรของแต่ละยี่ห้อ
เนื่องจากเลนส์ของกล้องแต่ละยี่ห้อก็มีให้เลือกมากมาย เพื่อให้คุณดูง่ายขึ้นว่าเลนส์รุ่นไหนเป็นเลนส์โปรของแต่ละยี้ห้อก็ดูได้จาก Canon มี L ในชื่อรุ่น เช่น Canon EF 85 F11.2 L เลนส์ Nikon ก็ดูจากตัวอักษร ED ในรุ่น เช่น Nikkor 17-55 F2.8G ED เลนส์ Olympus เลนส์ระดับโปรจะเป็นเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุดคงที่ เลนส์ของ Pentax ก็ดูจากอักษร DA ในชื่อรุ่น ซึ่งจะเป็นเลนส์ที่ใช้ มอเตอร์ SDM เลนส์ของ Sony ก็ดูจากอักษร G ในรุ่นของเลนส์ เลนส์ Sigma ก็ตัวอักษร EX เลนส์ Tamron ก็ตัวอักษร SP และเลนส์ Tokina ก็ดูได้จากรุ่นที่มีตัวอักษร AT-X Pro ในรุ่น

เลนส์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับกล้อง DSLR ที่มีอิมเมจเซ็นเซอร์ขนาดเล็ก
ผู้ผลิตกล้องและเลนส์ได้ผลิตเลนส์สำหรับกล้อง DSLR แบบ APS-C ที่มีขนาดของอิมเมจเซ็นเซอร์เล็กกว่าฟิล์ม (อ่านได้จากเรื่อง Image Format ) ตัวอย่างของเลนส์ที่ทำมาเพื่อกล้อง DSLR แบบ APS-C ก็เช่นเลนส์ Canon ที่เป็นเม้าท์แบบ EF-S เลนส์ Nikon ที่มีอักษร DX ในรุ่น และเลนส์ Sigma ที่มีอักษร DC ในรุ่น หากนำเลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง DSLR แบบ APS-C ไปใช้ กับกล้อง Full Frame ก็จะทำให้เกิดขอบภาพมืด เนื่องจากขนาดของ image circle เล็กกว่าพื้นที่ของอิมเมจเซ็นเซอร์นั่นเอง
หากคุณใช้กล้อง DSLR APS-C ที่ไม่คิดจะอัพเกรดไปเล่นกล้อง Full Frame ก็สามารถใช้เลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง APS-C ได้ แต่ถ้าหากมีแผนที่จะเล่น Full Frame ในอนาคต ก็ต้องดูว่าเลนส์ APS-C ที่มีอยู่จะทำอย่างไร

นี่เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากจะซื้อเลนส์ อ่านจบแล้วคงตัดสินใจได้ว่าเลนส์ขนาดไหน แบบไหน เหมาะกับตัวเอง บางที การเริ่มต้นจากเลนส์ราคาถูกก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี เมื่อคุณถ่ายภาพจนรู้ว่าตัวเองถนัดหรือชอบการถ่ายภาพแบบไหน ถึงเวลานั้น คำตอบเรื่องเลนส์ก็จะชัดเจนที่สุดว่าเลนส์ตัวใดเหมาะกับคุณที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น