หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

จุดสี่เหลี่ยมกับเฉดสี


จุดสี่เหลี่ยมกับเฉดสี

พิกเซลเป็นส่วนประกอบเล็กๆ ของภาพบิตแมพ จริงอยู่ที่เมื่อซูมเข้าไปจะเห็นว่าภาพมีจุดสี่เหลี่ยมเล็กๆ ประกอบกันมากมาย ทว่าใน โลกของคอมพิวเตอร์แล้วพิกเซลเหล่านี้ไม่มีรูปทรง ไม่มีรูปร่าง เป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่เก็บข้อมูลบางอย่างเอาไว้ ที่อยู่ในรูปแบบของ binary หรือ bits ซึ่งก็คือตัวเลข 0 ที่แทนที่ข้อมูลอะไรบางอย่าง และ 1 ที่เป็นความว่างเปล่าหรือไม่มีข้อมูลใดๆ อยู่ ถ้าเป็นสวิทช์ ไฟก็เหมือนกับเปิด/ปิด หรือถ้าเป็นสีก็มีขาวกับดำ

บิตเป็นหน่วยเล็กๆ ของข้อมูลดิจิตอล ที่เมื่อรวมตัวกันแล้วมีความหมายมากมาย โดยเฉพาะกับภาพแบบบิตแมต และคุณเองจะได้ยิน ศัพท์เฉพาะมากมายที่ทำให้มึนงงได้ง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าบิตมีความเกี่ยวข้องกับภาพบิตแมพหรือภาพถ่ายอย่างไร ก็เริ่ม จากภาพที่มีเพียง 1 บิต ใน 1 บิต มีเพียง 0 กับ 1 ภาพที่ได้ก็จะมีเพียงสีขาวกับดำ เพราะจำนวนบิตที่ใช้เก็บข้อมูลเก็บได้แค่ขาวกับดำ หรือ 2 ระดับ

แล้วถ้าจำนวนบิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 บิต จำนวนสีก็จะเพิ่มเป็น 4 ระดับหรือ 4 เฉด เพราะจากเดิมที่มีแค่ 0 กับ 1 เมื่อเป็น 2 บิตก็จะกลาย เป็น 00, 01, 10 และ 11 ซึ่งทำให้เก็บข้อมูลหรือแทนข้อมูลได้มากขึ้น จากภาพที่เป็นขาวกับดำ ก็จะเพิ่มเฉดสีเทามาอีกสองสี และถ้า จำนวนบิตเพิ่มเป็น 3 บิต ก็จะมีเฉดสีเป็น 8 ระดับ ถ้าจำนวนบิตเป็น 4 บิต ก็จะมีเฉดสีเป็น 16 ระดับ และถ้าจำนวนบิตเพิ่มเป็น 8 บิต ก็จะมีเฉดสีมากถึง 256 ระดับ หรือ 256 เฉดสี

ในทางคณิตศาตร์จำนวนบิตก็คือ 2 ยกกำลัง 2 เช่น 4 บิต หากเขียนเป็นเลขยกกำลังก็คือ 2 ยกกำลัง 4 (2x2x2x2 = 16) ภาพถ่ายที่ จะนำมาพิมพ์จะต้องมีจำนวนบิตอย่างน้อย 8 บิต เนื่องจากภาพ 8 บิตจะมีเฉดสีที่มีความสมจริง หรือเมื่อพิมพ์ออกมาก็จะทำให้เกิด โทนสีที่ดูต่อเนื่องกลมกลืนกัน

16.7 ล้านสีมาได้อย่างไร?
คุณได้เห็นจำนวนบิตกับภาพขาวดำไปแล้ว ในส่วนของภาพสีจำนวนบิตก็เกี่ยวข้องกับเฉดสีเหมือนกับภาพขาวดำ แต่สิ่งที่ภาพสีต่าง ออกไปก็คือ ภาพสีมี channel ซึ่งทำหน้าที่เก็บข้อมูลแม่สีของภาพแยกออกจากกัน ถ้าคุณเปิดภาพถ่ายในโปรแกรม Photoshop แล้วคลิกเมนู Window - Channel จะเห็นภาพถ่ายสีมีแชนเนลอยู่สามแชนเนลด้วยกันคือ R G และ B ซึ่งก็คือแม่สี Red, Green และ Blue นั่นเอง ถ้าเป็นภาพที่มีจำนวนบิต 8 บิต เช่น ภาพถ่ายที่เป็นฟอร์แมต JPG หรือไฟล์ RAW ที่มาแปลงเป็นไฟล์ JPG ก็จะเป็นภาพที่มี 8 บิตเช่นกัน นั่นก็จะทำให้แต่ละแชนเนลมีจำนวนเฉดสี 256 ระดับ คือแดง 256 เขียว 256 และน้ำเงิน 256 เมื่อนำ 256x256x256 ก็จะได้ 16.7 ล้านเฉดสี

ภาพสีแบบ RGB ที่แต่ละแชนเนลมีจำนวนบิต 8 บิต จะเรียกว่าภาพสี 24 บิต เพราะแต่ละแชนเนลสีมี 8 บิต ที่รวมกันได้ 24 บิต ส่วนภาพที่เป็นสีแบบ CMYK ซึ่งเป็นภาพที่มี 32 บิต จะยกไปอธิบายในเรื่องของโหมดสี ในเบื้องต้นให้คุณเข้าใจว่าจำนวนบิต ยิ่งมากก็ยิ่งทำให้ภาพถ่ายมีความสวยงามจากเฉดสีที่มากขึ้น จะเห็นได้จากเทคโนโลยีของกล้องดิจิตอล พรินเตอร์ ในปัจจุบันมีความ สามารถในการทำงานกับจำนวนบิตได้สูงถึง 16 บิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น